วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

จังหวัดฟูกูชิมะ


จังหวัดฟูกูชิมะ


จังหวัดฟูกูชิมะ (ญี่ปุ่น: 福島県 Fukushima-ken) เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณภาคโทโฮกุบนเกาะฮนชู เมืองหลักอยู่ที่เมืองฟูกูชิมะ

สัญลักษณ์ของจังหวัดฟูกูชิมะ


มาสคอตประจำจังหวัด


ชื่อ คิบิตัน

ภูมิศาสตร์

อำเภอฮามะ-โดริ ตั้งอยู่ในฟุคุชิมะทางทิศตะวันออกหันหน้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เป็นอำเภอที่สามารถเพลิดเพลินไปกับอากาศที่ไม่หนาวจัด ทำให้สะดวกสบายต่อการดำรงชีวิต อำเภอนากะ-โดริเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมที่มีระบบการขนส่งที่ทันสมัย ซึ่งรวมถึงสายชินคันเซ็นที่วิ่งจากเหนือลงใต้ผ่านทางศูนย์ของอำเภอ และยังมีทางหลวงและสนามบินฟุคุชิมะ นอกจากนี้ ยังสามารถผ่อนคลายไปกับน้ำพุร้อนที่สามารถพบได้หลายแห่งในพื้นที่เขตชานเมือง
เป็นจังหวัดที่ปลูกข้าวได้เนื่องจากอุดมไปด้วยน้ำที่มีคุณภาพดี ฟุคุชิมะภาคภูมิใจในอุตสาหกรรมเหล้าสาเกหลัก (ไวน์ข้าว) อันรุ่งเรืองของตนเอง ผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ลูกพีช, แอปเปิ้ล และผลไม้ชนิดอื่นๆ สามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ คุณยังสามารถลิ้มรสอาหารที่สดใหม่จากทะเลและฟาร์มท้องถิ่นได้ทุกประเภท เช่น เส้นราเม็ง, เส้นโซบะ, มิโซะ (น้ำถั่วเหลือง), เนื้อดำญี่ปุ่น และอาหารทะเลที่สดใหม่

การปกครอง

ผู้ว่าราชการ : ยูเฮอิ ซาโตะ

พื้นที่

ทั้งหมด 13,782.54 ตร.กม
อันดับพื้นที่ 3 ของประเทศ

ประชากร

ทั้งหมด 2,028,752
อันดับ 17 ของประเทศ

ดอกไม้

Nemotoshakunage (Rhododendron brachycarpum)
ต้นไม้
Japanese zelkova (Zelkova serrata)

เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่สำคัญคือ บริเวณตามชายฝั่งทะเลมีการตกปลาและมีอาหารทะเล มีการผลิตพลังงานเกี่ยวกับไฟฟ้าและเจาะจงที่อุตสาหกรรมที่กำเนิดพลังปรมาณู มีอุตสาหกรรมหนักอยู่หลายแห่ง จังหวัดฟูกูชิมะเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และซอฟต์แวร์ และเด่นในด้านอาหารทะเล


10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวใน “ฟุกุชิมะ”

1.ทะเลสาบอินาวาชิโระ (猪苗代湖)


ทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณภูเขาบันได ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟข้างๆภูเขาบันได ทำให้น้ำในทะเลสาบยังคงความเป็นกรดอ่อนๆอยู่ และด้วยเหตุนี้เองจึงไม่มีพืช หรือ สัตว์น้ำภายในทะเลสาบแห่งนี้เลย แต่เพื่อนๆไม่ต้องกังวลนะคะ ว่าจะเป็นอันตรายต่อร่างกายรึเปล่า เพราะน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ค่ะ
นอกจากนี้เรายังสามารถสนุกกับกิจกรรมได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกีฬาทางน้ำ เล่นเรือใบ ปั่นจักรยาน ปีนภูเขา หรือแม้แต่ในช่วงฤดูหนาวก็สามารถเล่นสกี และสโนว์บอร์ดได้ด้วย เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน – เดือนเมษายนเพื่อนๆจะได้พบกับฝูงหงส์กว่า 3,000 ตัว ที่อพยพมาอยู่ทะเลสาบแห่งนี้ เล่นน้ำอย่างสนุกสนานกันด้วย อีกทั้งเพื่อนๆยังสามารถเห็นภาพสะท้อนของภูเขาบันไดสะท้อนกับทะเลสาบแห่งนี้ เป็นภาพที่สวยงามราวกับภาพวาดเลยละค่ะ ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักกันอีกชื่อว่า กระจกแห่งสวรรค์ นั่นเอง
การเดินทางสามารถเดินทางมาที่นี่ได้จากสถานี Inawashiro นั่งสาย Banetsu West Line แล้วไปต่อรถไฟ Tohoku Shinkansen Bullet Train สาย Tohoku line ที่สถานี Okoriyama Station

2. หมู่บ้านโบราณโออุจิ จูกุ (大内宿)


ย้อนเวลากลับสู่สมัยเอโดะ ที่นี่เปรียบเสมือนสถานที่พักแรมของเหล่าซามูไร พ่อค้า นักเดินทางทั้งหลาย ซึ่งเป็นถนนยาวกว่า 500 เมตร ยาวไปถึงจังหวัดนีงาตะเลยละ ตลอดสองข้างทางเพื่อนๆจะเห็นบ้านแบบโบราณที่เป็นบ้านชาวนาญี่ปุ่นในสมัยก่อน คือมีการมุงหลังคาด้วยหญ้าหนาๆเรียงรายตลอดสองฝั่ง
หมู่บ้านโบราณโออุจิ จูกุ เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 09.30 น. – 16.30 น.เสียค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 เยน และเด็ก 150 เยน
การเดินทางสามารถเดินทางจากสถานี Sendai โดยนั่ง Shinkansen Yamabiko ไปสถานี Koriyama นั่งรถไฟสาย JR Ban etsu Saisen ไปสถานี Aizu wakamatsu  แล้วนั่งรถไฟสาย Aizu ไปสถานี Yunokami Onsen หลังจากนั้นต่อแท็กซี่ไปอีกประมาณ 15 นาที หรือจะเดินก็ได้ค่ะ

3. ปราสาทซึรุกะ (鶴ヶ城)



แต่เดิมปราสาทนี้มีชื่อว่าปราสาทคุโระคะวะ มีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน ทว่าปัจจุบันมีการปรับให้เหลือเพียง 5 ชั้นเท่านั้น ถึงแม้จะได้รับการบูรณะใหม่ แต่ที่นี่ก็ยังคงความเป็นปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่นเอาไว้ด้วยการปูกระเบื้องสีแดงบนหลังคา สาเหตุที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าปราสาทนกกระเรียน นั่นก็เพราะว่า ซึรุกะภาษาญี่ปุ่นแปลว่านกกระเรียนนั่นเอง
ภายในปราสาทซึรุกะแห่งนี้ยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เพื่อนๆศึกษาความเป็นมา รวมถึงวิถีชีวิตของเหล่าซามูไร ข้าวของเครื่องใช้ ศิลปะและวัฒนธรรมในสมัยก่อน หากขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวปราสาท เพื่อนๆจะได้มาสูดบรรยากาศด้านบน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาบันไดได้อีกด้วย นอกจากนี้บริเวณสวนภายในปราสาทยังมีเรือนน้ำชารินคะคุ ที่ใช้เป็นสถานที่จัดพิธีชงชา เพื่อนๆจึงสามารถแวะมาจิบชาที่นี่ได้ รวมถึงแวะทานอาหารท้องถิ่นของที่นี่ได้ที่ Tsurugajo Kaikan ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อนๆจะได้ชมดอกซากุระกว่า 1,000 ต้น ภายในสวนของปราสาทแห่งนี้ด้วย
ปราสาทซึรุกะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 – 17.00 น. เสียค่าเข้าชมคนละ 410 เยน
วิธีการเดินทาง จากสถานี JR Koriyama ขึ้นรถไฟสาย JR Banetsu Saisen แล้วลงที่สถานี JR
Aizuwakamatsu แล้วต่อด้วยรถบัสไปลงที่ป้าย Tsuruga Kitaguchi  แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงแล้วค่ะ

4. ทะเลสาบโกชิคินุมะ (五色沼)



ที่นี่คือทะเลสาบที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟบันได ทำให้เกิดเป็นบ่อแอ่งเล็กๆมากมาย รวมถึงทะเลสาบแห่งนี้ด้วย สาเหตุที่ทะเลสาบสามารถเปลี่ยนเป็นสีต่างๆได้ เพราะในน้ำมีกรดที่ทำปฏิกิริยากับหินภูเขาไฟทำให้เราสามารถเห็นสีของน้ำเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว โดยเฉพาะแอ่งขนาดใหญ่อย่างทะเลสาบบิชามง ในแต่ละวันจะมีสีสันแตกต่างกันออกไป หากวันไหนฟ้าโปร่งก็จะเป็นสีฟ้าไม่ก็สีเขียวมรกตสวยงามมากๆ ยิ่งวันไหนฟ้าครื้มก็จะเป็นสีน้ำเงินเข้ม ส่วนตอนพระอาทิตย์ตกดินก็เป็นสีแดง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ และการทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุในน้ำด้วย
ที่นี่ยังมีชื่อเรียกตามตำนานว่า ทะเลสาบเบ็นเท็น ซึ่งชื่อนี้อิงมาจากเทพเจ้าแห่งอักษร และดนตรี ตามตำนานพื้นบ้านสมัยก่อน หากเพื่อนๆต้องการชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี หรือดอกซากุระ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่แจ๋วสุดๆไปเลยละค่ะ อย่าลืมพกข้าวกล่องมาปิกนิกกันด้วยนะ เพราะบรรยากาศมันน่าปูเสื่อทานข้าวจริงๆ
การเดินทางสามารถเดินทางมาที่นี่โดยรถบัส Bandai Higashi Miyako Bus จากสถานี Inawashiro (JR Ban etsu Saisen Line / Ban etsu West Line) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึง Goshikinuma ที่ป้าย Urabandai kogen eki หรือ ป้าย Goshikinuma Iriguchi eki  ก็ได้ค่ะ

5. ศาลเจ้าชินกุ คุโมโนะ (新宮熊野神社)


นี่คือศาลเจ้าของเหล่านักบวชผู้เคร่งครัดในสมัยก่อน ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบ ทำให้รับรู้ได้เลยว่าที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ และเมื่อเพื่อนๆเข้ามาในศาลเจ้าจะพบกับต้นแปะก๊วยยักษ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาเหลืองอร่ามไปทั่วบริเวณนั้น ซึ่งต้นแปะก๊วยยักษ์นี้มีอายุกว่า 800 ปีเชียวนะ
ศาลเจ้าชินกุ คุโมโนะเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. เสียค่าเข้าชมคนละ 300 เยน เด็กนักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน ส่วนเด็กนักเรียนมัธยมต้นและเด็กเล็กเข้าฟรี
การเดินทางจากสถานี JR Kitakata Station ให้ขึ้นรถไฟสาย JR Banetsu Saisen ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรือจะนั่งแท็กซี่ก็ได้ค่ะ

6. สวนสาธารณะฮานะมิยามะ (花見山公園)


เทศกาลชมดอกไม้ ถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญของชาวญี่ปุ่น ในการพบปะสังสรรค์กันของคนในครอบครัว มิตรสหาย หรือคู่รัก ที่พากันมาเดินชมเหล่าดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง พร้อมนั่งทานข้าวกล่อง เป็นปิกนิกเล็กๆ และพูดคุยกัน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ถ้ามาถึงญี่ปุ่นแล้วต้องไม่พลาด โดยเฉพาะที่สวนสาธารณะฮานะมิยามะแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาสูง เพื่อนๆสามารถเดินชมดอกซากุระมากกว่า 10 สายพันธุ์ ทั้งดอกซากุระสีขาว สีชมพู และดอกไม้ต่างๆอีกกว่า 70 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นดอกบ๊วย ดอกแมกโนเลีย  ที่นี่จึงกลายเป็นหุบเขาดอกไม้ที่สวยงามสุดๆเลยละค่ะ
ถ้าหากเพื่อนๆต้องการมาชมดอกซากุระที่ฮานะมิยามะ สามารถมาได้ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน
ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่ง ถ้าเป็นดอกไม้ชนิดอื่นเพื่อนๆก็สามารถมาชมได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมเลยละค่ะ แถมที่นี่ยังเปิดให้เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียมด้วย
การเดินทางจาก Fukushima Station มี Shuttle bus หมายเลข 6 ไปยัง Hanamiyama ในช่วงฤดูใบไม้ผลิด้วย โดยรถบัสจะออกทุกๆ 15-30 นาทีค่ะ

7. อุทยานแห่งชาติโอเซะ (尾瀬国立公園)


เพื่อนๆคนไหนชื่นชอบธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบ น้ำตก ป่าไม้ อุทยานแห่งชาติโอเซะคือสวรรค์ของเพื่อนๆเลยละ เพราะที่นี่กว้างใหญ่ครอบคลุมถึง 4 จังหวัด คือ จังหวัดฟุกุชิมะ โทจิงิ นีงะตะ และกุนมะ เพื่อนๆจึงสามารถกางเต้นท์ค้างคืน เดินป่าสำรวจเส้นทางธรรมชาติ ศึกษาพันธุ์พืช และสัตว์ต่างๆ ชื่นชมความงามของเหล่าดอกไม้ธรรมชาติ รวมถึงบึงน้ำที่ว่ากันว่าตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก ยิ่งถ้าได้มีโอกาสมาช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ที่นี่จะพร้อมใจกันเบ่งบาน ทั้งดอกลิลลี่ ดอกกะหล่ำเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆเลยละค่ะ
เส้นทางการเดินป่าของที่นี่ก็มีให้เลือกถึงสองแบบคือ เส้นทางจาก ฮะโตะมะชิโตะเงะ ที่นิยมมาเพื่อชมดอกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และเส้นทางโอเซะนุมะ ที่เดินเลียบไปรอบบ่อน้ำ หรือใครอยากได้แอดเวนเจอร์กว่านี้ก็มีเส้นทางปีนเขาให้เพื่อนๆได้ไปท้าทายความสามารถกันด้วย
การเดินทางจากฟูกุชิมะ เพื่อนๆสามารถนั่งรถบัสจาก Aizu-Tajima Station สาย Aizu Railway Line ที่ผ่านเส้นทาง Miike ไปยัง Numayamatoge รถบัสจะออกวันละ 4 รอบ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ

8. อความารีน ฟุกุชิมะ (環境水族館)


พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีอ่างขนาดใหญ่ 2,050 ตัน หรือที่เรียกกันว่า ทะเลชิโอเมะ ซึ่งอ่างน้ำแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ถือเป็นอ่างน้ำสามเหลี่ยมแห่งแรกของโลกอีกด้วย ส่วนน้ำที่ไหลวนอยู่ภายในทะเลชิโอเมะนั้นมาจากมหาสมุทรคุโรชิโอะทางทิศใต้ และ โอยาชิโอะทางทิศเหนือ ดังนั้นที่นี่จึงแบ่งออกเป็นสองกระแสน้ำ
อความารีน ฟุกุชิมะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00-17.30 น. และปิดทำการทุกวันอังคารที่ 3 ของเดือน รวมถึงวันที่ 1 มกราคมของทุกปี  เสียค่าเข้าชมท่านละ 1,600 เยน
การเดินทาง เพื่อนๆสามารถนั่งรถบัส Onahama /Ena จากสถานีอิซูมีแล้วลงที่ป้าย Shisho-guchi หลังจากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็ถึงค่ะ

9. อะดาตาระ สกีรีสอร์ท (安達太良山のスキー場)


อะดาตาระ สกีรีสอร์ท เป็นสกีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาอาดาตาระ  ซึ่งที่นี่มีเนินเขายาวถึง 1,800 เมตร ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยละค่ะ ถ้าที่นี่จะกลายเป็นลานสกีที่น่าจับตามองอีกแห่งหนึ่ง สำหรับนักเล่นสกีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมือโปรที่ผ่านมาแล้วทุกสนามแข่ง หรือคนที่เล่นสกีไม่เป็นเลย ที่นี่ก็มีคอร์สสอนสกี พร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆให้เช่าด้วย นอกจากนี้ยังมีที่พักและร้านอาหาร รวมถึงออนเซ็นให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้าจากการเล่นสกีมาผ่อนคลายกล้ามเนื้อกันด้วย
อะดาตาระ สโนว์ รีสอร์ท เปิดให้บริการเฉพาะช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคม – เดือนเมษายน สำหรับผู้ใหญ่เสียค่าเข้า 3,200 เยน นักเรียนมัธยม 2,800 เยน และเด็กประถม 850 เยน ค่าเช่าอุปกรณ์สกี สโนว์บอร์ดและเสื้อผ้า 3,100 เยน
การเดินทางจากโตเกียว เพื่อนๆสามารถนั่งรถไฟสาย โทโฮคุ ชินคันเซ็น ที่สถานีรถไฟโตเกียวแล้วลงที่สถานีรถไฟ JR โคริยะมะ ต่อด้วยรถชัตเติลบัสของทางสกีรีสอร์ท ใช้เวลาประมาณ 80 นาที

10. ปราสาทริกะจัง (リカちゃんキャッスル)


ริกะจัง หรือ ริกะ คายามะ ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ถ้าหากเอ่ยปากถามคนญี่ปุ่นแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าตุ๊กตาบาร์บี้ แต่เป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งออกวางขายในปี ค.ศ.1967 จนกลายเป็นที่นิยมของเด็กๆชาวญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญปราสาทริกะจังแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานที่ผลิตพวกเธออีกด้วย ซึ่งที่นี่ตั้งอยู่ที่เมืองโอโนะ จังหวัดฟุกุชิมะ
ปราสาทริกะจังเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. ผู้ใหญ่ราคา 700 เยน เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป 500 เยน ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เข้าฟรีค่ะ
การเดินทาง เพื่อนๆสามารถเดินจากสถานี โอโนะ ชินมาชิ ประมาณ 10 นาที บนเส้นทาง JR บันเอ็ทสึ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น