จังหวัดมิยางิ
จังหวัดมิยางิ (ญี่ปุ่น: 宮城県 Miyagi-ken) เป็นจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮกุของญี่ปุ่นอยู่บนเกาะฮนชู มีเซ็นไดเป็นเมืองหลวงเป็นเมืองแห่งปราสาท และหนึ่งในนั้นเป็นปราสาทที่ไดเมียวดาเตะ มาซามุเนะ เจ้าผู้ครองแคว้นโบราณเคยสร้างเอาไว้ เด่นในด้านเกษตรกรรมและการประมง และเป็นแหล่งจุดชมวิวที่สวยงามของญี่ปุ่นที่อ่าวมัตสึชิมะ
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.9 และคลื่นสึนามิขนาดใหญ่เข้าถล่มจังหวัดมิยางิ สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่พื้นที่[1] คลื่นสึนามิดังกล่าวประมาณว่ามีความสูงอย่างน้อย 10 เมตร
สัญลักษณ์ของจังหวัดอาโอโมริ
มาสคอตประจำจังหวัด
จังหวัดมิยะงิตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น หันหน้าไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีเซนไดเป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ในศูนย์กลาง ซึ่งขนาบด้วยแม่น้ำอาบุคุมะ-กาว่าไปทางทิศใต้ และมีแม่น้ำคิตะคามิ-กาว่าอยู่ด้านข้างไปทางทิศตะวันออก ทางด้านชายฝั่งทะเลมีชายฝั่งที่ซับซ้อนคดเคี้ยวไปทางทิศเหนือในขณะเดียวกันก็มีชายหาดอันอบอุ่นทอดตัวยาวไปยังทิศใต้จากมะทซึชิม่า และมีภูเขาสูง 1,000 เมตรที่สวยงามทอดตัวขนานไปกับพื้นที่ทางตะวันตกหรือเรียกว่าทิวเขาซาโอะ
ด้วยมิยะงิมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ซับซ้อนเหล่านี้ จึงดึงดูดนักเที่ยวเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมเยือนจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแค่มะทซึชิม่าที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น, ซาโอะที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และวนอุทยานแห่งชาติมินามิ ซันริคุ คินคะซังที่ก่อให้เกิดอุทยานแห่งชาติซันริคุ ฟุคโคที่เป็นแนวฟันเลื่อย
ทั่วทั้งจังหวัดมีน้ำพุร้อนธรรมชาติโดยมีสามแห่งที่เป็นที่นิยมคือ อาคิอุ-ออนเซ็นซาคุนามิ-ออนเซ็น และนารุโกะ-ออนเซ็น ที่ให้ร่วมแบ่งปันบรรยากาศแห่งความสุขสำหรับคนในวัยต่างๆ จากน้ำพุร้อนธรรมชาติเหล่านี้
ในเมืองเซนไดเมืองแห่งอดีตปราสาท มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น ซุยโฮ-เดน อันเป็นหลุมฝังศพของมาซามุเนะ ดาเทะ ผู้สร้างเมืองแห่งปราสาทและซากปรักหักพังของปราสาทเซนได
เทศกาลทานาบาตะ-มัทซึริ ที่จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคมยิ่งไม่ควรพลาด ในทุกๆ ปีเพียงเทศกาลนี้เทศกาลเดียวสามารถดึงดูดผู้เข้าชมมากกว่าสองล้านคนให้เดินทางมายังจังหวัดนี้
การปกครอง
• ผู้ว่าราชการ : โยชิฮิโระ มุระอิ
พื้นที่
• ทั้งหมด 7,285.16 ตร.กม. (2,812.82 ตร.ไมล์)
• อันดับพื้นที : 17 ของประเทศ
ประชากร
• ทั้งหมด 2,370,280 คน
• อันดับ 15 ของประเทศ
ดอกไม้
• Miyagi bush clover (Lespedeza thunbergii)
ต้นไม้
• Japanese zelkova (Zelkova serrata)
เศรษฐกิจ
ถึงแม้ว่าจังหวัดมิยางิจะมีการตกปลาการเกษตรการผลิตข้าวและปศุสัตว์มากมาย แต่ก็มีความโดดเด่นเรื่องอุตสาหกรรมที่มีอยู่รอบ ๆ เมืองเซ็นได เช่น อิเล็กทรอนิกส์และอาหาร
10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวใน “มิยางิ”
1. อ่าวมัตสึชิมะ (松島)
ซึ่งแบ่งเป็นสองทางใหญ่ คือ นั่งเรือวนหมู่เกาะรอบอ่าวมัตสิชิมะ และนั่งเรือชมอ่าวมัตสึชิมะ ยาวไปถึงมารีนเกท ชิโอะกามะ เมืองชิโอกามะ นอกจากนี้ยังมีการนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน ชมภูเขา และฤดูใบไม้ร่วง รวมถึงมีการอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษด้วย
การล่องเรือครูซเที่ยวชมรอบอ่าวของสมาพันธ์การล่องเรือท่องเที่ยวหมู่เกาะมัตสึชิมะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. ออกเรือทุกชั่วโมง ถ้าล่องเรือชมวนรอบอ่าวมัตสึชิมะ หรือรอบอ่าวมัตสึชิมะ – ชิโอะกามะ 1,500 เยน
วิธีการเดินทางจาก Matsushima Station เดินอีกประมาณ 5 นาที ก็จะถึงท่าเรือมัตสึชิมะ
2. ปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ (御釜)
หนึ่งใน Unseen อีกแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซะโอะ ทว่าปากปล่องภูเขาไฟนี้น่าดึงดูดตรงที่มีทะเลสาบสีเขียวมรกตอยู่ที่ปากปล่อง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหม้อหุงสมัยก่อน ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่าโอคามะ ที่แปลว่าหม้อนั่นเอง ที่สำคัญทะเลสาบแห่งนี้ในแต่ละวันจะสามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 5 สี หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า โกะชิคินุมะ และถ้าหากท่านต้องการชมปากปล่องภูเขาไฟโอคามะแบบชัดๆก็สามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวบริเวณยอดเขาคัทตะดะเกะได้ เพื่อนๆจะมองเห็นวิวภูเขาซะโอะได้ทั้งลูก รวมถึงปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ด้วย หรือจะขึ้นกระเช้าลอยฟ้ามาลงที่สถานี Jizosancho แล้วเดินต่อไปยังจุดชมวิวก็ได้ ใช้เวลาไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมง
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขึ้นกระเช้าลอยฟ้า เที่ยวเดียว 1,500 เยน ไปกลับ 2,600 เยน
วิธีเดินทางจากสถานี Yamagata สามารถนั่งรถบัสมายังจุดชมวิวยอดเขาคัทตะดาเกะทว่ามีแค่วันละเที่ยวเท่านั้น หรือจะนั่งรถบัสจากสถานี Shiroishi Zao มาก็ได้ แต่รถบัสสายนี้ก็มีแค่เพียง 2 เที่ยวเท่านั้น ดังนั้นขอแนะนำให้ท่านเช่ารถยนต์เพื่อความสะดวกในการเดินทางดีกว่า
3. หุบเขานารุโกะ (鳴子峡)
วิธีเดินทางท่านสามารถนั่งรถบัสตรงข้ามสถานี Naroko Onsen แต่รถบัสวิ่งแค่ช่วงฤดูใบไม่ร่วงเท่านั้น หรือถ้าจะเดินจากสถานีไปยังหุบเขาก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
4. ปราสาทอาโอบะ (青葉城)
สำหรับท่านที่ต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ปราสาทอาโอบะ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม 700 เยน ส่วนบริเวณศาลเจ้าโกโคขุและที่ตั้งปราสาทเก่า สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
การเดินทาง จากสถานีรถไฟ Sendai ท่านสามารถนั่งรถ Loople Sendai Bus แล้วลงที่ป้าย Site of Sendai Castle
5. ปราสาทชิโรอิชิ (白石城)
แม้ปราสาทชิโรอิชิจะเคยโดนไฟไหม้แต่ก็ได้รบการบูรณะสร้างใหม่ โดยใช้ฐานปราสาทเดิม และยังคงความเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ออกมาได้อย่างสวยงามสมบูรณ์แบบ ซึ่งแต่เดิมปราสาทแห่งนี้เคยเป็นของท่านคาตาคุระ ขุนพลคนสนิทของท่านดาเตะ มาซามุเนะ ซึ่งท่านได้ยกปราสาทหลังนี้ให้เพื่อตอบแทนที่เคยสู้รบเคียงคู่กันมานั่นเอง ภายในปราสาทเพื่อนๆสามารถเดินชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปราสาทชิโรอิชิ ทดลองสวมชุดเกราะ หรือชุดชาวบ้านสมัยก่อน รวมถึงสินค้าพื้นเมืองและร้านขายของฝาก นอกจากนี้ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสมาช่วงเดือนตุลาคมซึ่งตรงกับเทศกาลโอนิ คาจูโร เพื่อนๆสามารถชมการสู้รบของเหล่าซามูไรและกลุ่มนินจา พร้อมเอฟเฟกต์อลังการอย่างลูกธนูพุ่งกลางอากาศ กลุ่มควันพวยพุ่ง อาวุธในการสู้รบต่างๆ ขบวนพาเหรด พร้อมเหล่าบุคคลจากประวัตศาสตร์ ที่จำลองการรบในสมัยศตวรรษที่ 16 เป็นอะไรที่ตื่นเต้นอลังการ สมจริงมากๆเลยละค่ะ ใครมีโอกาสมาช่วงนี้ละก็อย่าพลาดชมเทศกาลนี้เชียวนะ
ปราสาทชิโรอิชิเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 17.00 น. และปิดให้บริการช่วงวันสิ้นปี
การเดินทาง ท่านสามารถนั่ง Tohoku Shinkansen แล้วลงที่สถานี Koriyama ต่อด้วยรถไฟสาย JR Tohoku ลงที่สถานี Shirakawa แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
6. สุสานซูอิโฮเดน (瑞鳳殿)
เอโดะ ภายในสุสานท่านจะเห็นสถาปัตยกรรม และการตกแต่งศิลปะแบบญี่ปุ่นที่หรูหราสวยงาม ตัวอาคารเป็นโครงสร้างงานไม้สีดำที่แกะสลักและทาสีสันให้สดใสดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก รวมถึงมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของตระกูลดาเตะให้ชมด้วย ในละแวกเดียวกันนั้นยังมีการสร้างสุสานขึ้นอีกสองหลัง เป็นสุสานที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ทั้งสองสุสานนี้เป็นสุสานทายาทที่ได้รับการถ่ายทอดต่อจากท่านดาเตะ มาซามุเนะนั่นเอง
สำหรับที่นี่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. และปิดให้บริการทุกช่วงวันหยุดสิ้นปี เสียค่าเข้าชมคนละ 550 เยน
วิธีการเดินทางจาก Sendai Station ให้นั่งรถบัส Loople Sendai bus แล้วลงที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 4 หลังจากนั้นเดินขึ้นเนินเขาไปอีกประมาณ 150 เมตร
7.หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (蔵王キツネ村)
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะเปิดให้เข้าชมตังแต่เวลา 9.00-17.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 1,000 เยน และเด็ก 400 เยน ส่วนอาหารสำหรับสุนัขจิ้งจอกสามารถซื้อได้ภายในหมู่บ้าน
วิธีเดินทางจากสถานีรถไฟ Shiroishi Station สามารถนั่งแท๊กซี่มาได้เลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
8. เกาะทาชิโระ (田代島)
วิธีเดินทางมายังเกาะทาชิโระ จากสถานี Ishinomaki Station ท่านสามารถนั่งรถเมล์สาย Ajishima Line ไปลงที่ท่าเรือเฟอร์รี่แต่ต้องเดินเท้าต่ออีก 30 นาที หรือนั่งแท็กซี่ต่อก็ได้ หลังจากนั้นขึ้นเรือที่ท่าเรือเฟอร์รี่ Ajishima เพื่อไปยังเกาะทาชิโระ ราคา 1,230 เยน ในหนึ่งวันจะมีเรือออกจากท่าเพียงแค่ 3 เที่ยวเท่านั้น
9. พิพิธภัณฑ์การ์ตูนอิชิโนะโมะริ (石ノ森萬画館)
ไซบอร์ก 009 ด้วย
พิพิธภัณฑ์การ์ตูนอิชิโนะโมะริเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น. และปิดทำการทุกวันอังคารที่ 3 ของทุกเดือน เสียค่าเข้าชมคนละ 800 เยน
วิธีการเดินทางจากสถานีรถไฟ Ishinomaki Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที หรือนั่งแท็กซี่
10. ถนนโจเซนจิ (定禅寺通り)
วิธีเดินทางจาก JR สถานีเซนได นั่งรถไฟใต้ดินชิเออิ สายนัมโบคุแล้วลงที่สถานีโคโตไดโคเอ็น แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น