วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

จังหวัดอาโอโมริ


จังหวัดอาโอโมริ


จังหวัดอาโอโมริ (ญี่ปุ่น: 青森県 อาโอโมริ-เก็ง) เป็นจังหวัดตั้งอยู่เหนือสุดของ เกาะฮนชู
อยู่ในภาคโทโฮกุของประเทศญี่ปุ่น เมืองเอกของจังหวัดคือนครอาโอโมริ

สัญลักษณ์ของจังหวัดอาโอโมริ
มาสคอตประจำจังหวัด


ชื่อ ทาคามารุ Takamaru

ภูมิศาสตร์

จังหวัดอาโอโมริถือเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางเหนือที่สุดของเกาะฮนชู และอยู่คนละฟากกับจังหวัด
ฮกไกโดโดยมีช่องแคบสึงะรุคั่นไว้อยู่ ทางใต้มีเขตติดต่อกับจังหวัดอะกิตะและอิวะเตะ และทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดมีลักษณะเหมือนรูปขวานยื่นลงไปในทะเล โดยที่บริเวณสันขวานนั้นเป็นชายฝั่งคาบสมุทรชิโมะกิตะ
ทะเลสาบโทะวะดะซึ่งเป็นแอ่งภูเขาไฟรูปกระจาดบริเวณทางใต้ของจังหวัดอาโอโมรินั้นยังกินพื้นที่คาบเกี่ยวกับจังหวัดอะกิตะ โดยมีธารน้ำออกไหลเป็นแม่น้ำโอะอิระเซะซึ่งจะไหลไปออกมหาสมุทรแปซิฟิกที่นครอาโอโมริ
อะโอโมริเป็นเจ้าภาพในการจัดเทศกาลต่างๆ ตลอดฤดูกาล ซึ่งคุณจะเข้าใจได้ถึงความรู้สึกในการดำเนินชีวิตของผู้คน โดยมีเทศกาลต่างๆ มากมายที่รวมถึงเทศกาลอะโอโมริ เนะบุตะ-มัทซึริและเทศกาล
ฮิโรซากิ เนะปุตะ-มะทซึริ (ซึ่งทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนในฤดูร้อนสั้นๆ ในอะโอโมริสว่างไสว), การแสวงบุญในอิวากิ โอยาม่าในเมืองฮิโรซากิ (เทศกาลที่เพิ่มเสน่ห์บทกวีให้กับฤดูใบไม้ร่วงในทซึการุ) และฮาชิโนะเฮะ เอนบุริในเมืองฮาชิโนะเฮะ (เทศกาลฤดูหนาวแบบดั้งเดิม เพื่อขอความเจริญรุ่งเรืองและให้มีการเก็บเกี่ยวที่ดี)

การปกครอง

ผู้ว่าราชการ : ชินโงะ มิมุระ

พื้นที่

ทั้งหมด 9,606.26 ตร.กม. (3,709.00 ตร.ไมล์)
อันดับพื้นที่ : 8 ของประเทศ

ประชากร

1.383 ล้านคน
อันดับ 28 ของประเทศ

ดอกไม้

แอปเปิล (Malus domestica)

ต้นไม้

ฮิบะ (Thujopsis dolabrata)

คมนาคม

อากาศ
มีสนามบินสองแห่งตั้งอยู่ภายในจังหวัดอาโอโมริ ทั้งสองแห่งเป็นสนามบินขนาดเล็กสำหรับเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศจากเกาหลีเท่านั้น
ท่าอากาศยานอาโอโมริ
ท่าอากาศยานมิซะวะ

10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวใน “อาโอโมริ”

1. ปราสาทฮิโรซากิ (弘前城)


ปราสาทฮิโรซากิแต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลซึการุ เป็น 1 ใน 7 ปราสาทที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ตัวปราสาทประกอบไปด้วย ประตูปราสาท คูปราสาท และป้อมตามมุมปราสาท ภายในปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณ เช่น ชุดเกราะซามูไร แม้ปัจจุบันตัวปราสาทจะมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่ก็ได้รับการบูรณะบริเวณฐานปราสาทขึ้นมาใหม่ และที่น่าทึ่งคือวิธีการบูรณะที่ใช้การยกตัวปราสาทออกจากฐานไปตั้งบริเวณข้างๆ โดยไม่ได้รื้อถอน ถือเป็นภาพที่แปลกตามากสำหรับนักท่องเที่ยว ภาพปราสาทที่เหลือแต่ฐาน แต่ตัวปราสาทกลับวางอยู่ข้างๆ ซึ่งวิธีการบูรณะแบบนี้มีแค่ปราสาทฮิโรซากิเท่านั้น
สำหรับที่นี่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. และปิดทำการในวันที่ 24 พฤศจิกายน – 31 มีนาคม เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมคนละ 310 เยน เด็ก 100 เยน
วิธีการเดินทางจากสถานี JR Hirosaki เพื่อนๆสามารถนั่งรถบัส Dotemachi Roop Bus บริเวณหน้าสถานี แล้วลงที่ป้าย Shiyakusho mae ได้เลย

2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านเนบูตะ (ねぶたの家)


เมื่อพูดถึงจังหวัดอาโอโมริ ไม่มีใครไม่รู้จักเทศกาลเนบูตะมัตสึริ หรือเทศกาลแห่โคมไฟอันยิ่งใหญ่ ที่จัดขึ้นในเมืองโอมินาโตะ จังหวัดอาโอโมริ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี เหล่าโคมไฟรูปร่างต่างๆ เช่น ซามูไร เทพเจ้า ปีศาจ หรือแม้กระทั่งสัตว์น่ารักๆ จะถูกดึงขึ้นให้ลอยบนท้องฟ้าสูงกว่า 10 ฟุต และเมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์นี้ จะสะดุดตากับตัวอาคารที่ถูกตกแต่งด้วยแผ่นโลหะสีแดง ส่วนภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเทศกาลเนบูตะมัตสึริ
สำหรับที่นี่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. ปิดทำการในช่วงวันหยุดสิ้นปี และ วันที่ 9-10 สิงหาคมหรือช่วงเทศกาลเนบูตะมัตสึริ ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์คนละ 600 เยน
สามารถเดินจากสถานีรถไฟ JR Aomori Station ไปทางทิศเหนือประมาณ 5 นาที

3.ศูนย์ศิลปะโทวาดะ (十和田市現代美術館)


ภายในศูนย์ศิลปะโทวาดะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับงานศิลปะจากทั่วทุกมุมโลก เปรียบเสมือนการจำลองเมืองเมืองหนึ่งผ่านตัวอาคารที่ใช้เป็นห้องแสดงผลงาน และเมื่อเข้าไปข้างในจะสามารถเห็นถึงโครงสร้างที่แตกต่างระหว่างอาคารแต่ละหลัง ซึ่งสามารถเดินถึงกันได้ด้วยทางเดินกระจก ส่วนภายนอกตัวอาคารประติมากรรมที่โดดเด่นสะดุดตาคงไม่พ้นเจ้าม้าที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ตัวนี้
เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรุ่งเรือง
ศูนย์ศิลปะโทวาดะเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ปิดทำการทุกวันจันทร์ และช่วงวันหยุดสิ้นปี ค่าธรรมเนียมในการเข้าชมคนละ 510 เยน หากวันไหนมีนิทรรศการพิเศษสามารถซื้อตั๋วชมรวมกันได้เลย ในราคา 1,000 เยน
การเดินทางสามารถนั่งรถบัสที่วิ่งระหว่าง Shinchinohe Towada Station และ Towada City แล้วลงที่ป้าย Towada shi Chuo หลังจากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

4. แหล่งโบราณคดีซานนาอิ มารุยาม่า (三内丸山遺跡)


พื้นที่ทางโบราณคดีซานนาอิ มารุยาม่า เป็นพื้นที่ทางโบราณคดีที่อุดมสมบูรณ์และใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น บริเวณนี้นักโบราณคดีค้นพบซากหลังคา บ้านเรือนในสมัยโจมง หรือ 10,000-2,000 ปีที่ผ่านมา และยังมีอีกหลายบริเวณที่ยังต้องสำรวจอยู่ข้างๆโบราณคดีแห่งนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โจมง จิยุคัง ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงวัตถุโบราณที่ถูกขุดพบบริเวณพื้นที่แห่งนี้ พร้อมประวัติศาสตร์สมัยโจมง เกี่ยวกับสภาพภูมิศาสตร์ วิถีชีวิตของชาวบ้านในสมัยนั้น รวมถึงบ้านเรือนที่ถูกค้นพบด้วย นอกจากนี้เพื่อนๆยังสามารถลองใส่เสื้อผ้าย้อนยุค พร้อมลองใช้สิ่งประดิษฐ์ที่เคยเป็นเครื่องมือของคนในสมัยนั้น และลองชิมอาหารท้องถิ่นได้อีกด้วย
แหล่งโบราณคดีซานนาอิ มารุยาม่า เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.  และปิดทำการในช่วงวันหยุดสิ้นปี สามารถเข้าชมได้ฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียมค่ะ
การเดินทางสามารถขึ้นรถบัสจาก Aomori Station แล้วลงที่ป้าย Sannai Maruyama Isekimae ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ

5. เกาะคาบุชิมะ (蕪嶋神社)


เกาะคาบุชิมะ หรือเกาะนกนางนวล เนื่องจากเกาะแห่งนี้กลายเป็นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของเหล่านกนางนวลหางดำ หรือ อุมิเนะโกะ ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติอีกด้วย และไม่ว่าจะแดดออก ฝนตก ลมพัดแรง เพื่อนๆก็ควรใส่หมวกหรือพกร่มมาด้วยนะคะ เพราะที่นี่มีนกนางนวลมากกว่า 40,000 ตัว ที่พร้อมจะปล่อยอุนจิลงบนหัวเราเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นระวังกันด้วยละ สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการมาชมนกนางนวลหางดำที่นี่ ต้องมาในช่วงเดือนมีนาคม เนื่องจากเป็นช่วงที่เหล่านกนางนวลออกมาจับสัตว์ทะเลกินที่เกาะนี้ และจะบินจากไปในช่วงเดือนสิงหาคม
สำหรับที่นี่สามารถเข้าชมได้ตลอดไม่เสียค่าธรรมเนียม
การเดินทางเพื่อนๆสามารถเดินจาก JR Hachinohe Line ใช้เวลาประมาณ 13 นาที

6. ภูเขาโอโซเรซัง (恐山)


ว่ากันว่าที่นี่เป็นที่เชื่อมต่อระหว่างโลกหนึ่งกับอีกโลกหนึ่ง เพราะบรรยากาศของกลิ่นซัลเฟอร์ที่อบอวลอยู่ในอากาศ ประกอบกับสองข้างทางที่มีพระพุทธรูปเรียงราย และกังหันอันน้อยหมุนติ้วๆ รวมถึงคำกล่าวขานที่ว่าที่นี่เป็นสถานที่รวบรวมดวงวิญญาณ เพราะพื้นที่บางส่วนของยังคงมีกลุ่มควันแก๊สจากภูเขาไฟ กลิ่นกำมะถันและ น้ำพุร้อนไหลออกมา ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงมักถูกเรียกว่า จิโกกุ ที่แปลว่านรก นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังมีศาลเจ้าของเทพเจ้าอิตะโกะ ที่เชื่อว่าสามารถสื่อสารกับเหล่าคนตายได้ ทำให้แถวนั้นมีของไหว้ผู้ตายวางอยู่ข้างๆด้วย ดังนั้นไม่แปลกเลยหากท่านรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง ยิ่งเดินลึกเข้าไปจะพบสะพานโค้งสีแดงที่ข้ามผ่านระหว่างแม่น้ำแซนซู ว่ากันว่าสะพานแห่งนี้ เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างโลกหนึ่งกับอีกโลกหนึ่งไว้
การเดินทางเพื่อนๆสามารถนั่งรถบัสจากสถานี JR Shimokita แล้วต่อรถบัสจาก Shimokita ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

7. ภูเขาฮักโกดะ (八甲田山)


สำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นขุนเขา ป่าไม้ ลำธาร ทะเลสาบ ภูเขาฮักโกดะ คือที่ๆทุกคนตามหา เนื่องจากภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของจังหวัดอาโอโมริ เรื่องความสวยงามของทิวทัศน์คงไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วง ที่ต้นไม้ผลัดกันเปลี่ยนสีให้นักท่องเที่ยวได้เพลินเพลิน ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดนิยม เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบถ่ายภาพหรือวาดรูปธรรมชาติ ในฤดูหนาวที่นี่จะถูกหิมะปกหลุมจนเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน รวมถึงต้นไม้ที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็น Snow Monster หรือ ปีศาจหิมะตามรูปร่างที่เปลี่ยนไป แถมยังเป็นลานสกีที่ท้าทายความสามารถของผู้เล่นอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีออนเซ็นซูกายุ ที่สามารถจุคนได้เป็นจำนวนมากให้ท่านได้ผ่อนคลายกันด้วย หากใครไม่อยากเดินที่นี่ก็มีบริการกระเช้าให้นั่งขึ้นไปบนยอดเขา สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศาได้อีกด้วย
ภูเขาฮักโกดะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-16.20 น. ส่วนช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ จะปิดให้บริการในเวลา 15.40 น. สำหรับท่านที่ต้องการใช้บริการกระเช้าขึ้นภูเขาฮักโกดะ เที่ยวเดียวราคา 1,180 เยน ถ้าไปกลับ 1,850 เยน
การเดินทางเพื่อนๆสามารถนั่งรถบัส JR Bus จาก Aomori Station หรือ Shin Aomori Station ไปยังทะเลสาบโทวาดะ ลงที่สถานีกระเช้าภูเขาฮักโกดะ หรือป้ายอื่นๆ ที่อยู่บริเวณเดียวกับภูเขา

8.ลำธารโออิราเสะ (奥入瀬渓流)


ลำธารโออิราเสะที่ยาวกว่า 14 กิโลเมตรนี้ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติโทวาดะฮาจิมันไท ลำธารโออิราเสะแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน หรือช่วงฤดูใบไม้ร่วง เหล่าใบไม้ที่เคยเขียวชอุ่ม จะพากันเปลี่ยนเป็นสีส้ม สีแดง ทำให้บรรยากาศบริเวณลำธารแห่งนี้สวยงามสุดๆไปเลย เนื่องจากลำธารโออิราเซะไหลมาจากทะเลสาบโทวาดะ ท่านจึงสามารถเดินสำรวจป่าเลียบลำธารจากเมืองเนโนคูจิ ไปยังเมืองยาซูมิยะได้ เป็นระยะทาง 9 กิโลเมตร ไปกลับประมาณ 5 ชั่วโมง หรือใครอยากใช้บริการรถบัสรับส่ง ที่เลือกขึ้นและลงตามป้ายได้ มีแวะจอดริมทางให้ท่านได้ลงไปชมวิวบริเวณนั้นและยังสามารถชมน้ำตกที่ไหลออกมาจากผนังของหุบเขาได้ด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ดีที่สุดในการชมทะเลสาบโทวาดะ
สำหรับที่นี่ท่านสามารถนั่งรถบัส JR Bus Tohoku ที่ชานชาลา H16 จากสถานี JR Hachinohe ทางออกตะวันตก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที หรือจะนั่งรถบัส JR Bus Tohoku จากสถานี JR Aomori ที่ชานชาลา 11 ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 15 นาที

9. ตลาดปลาฟุรุกาวะ (古川市場 のっけ丼 青森魚菜センター)


ตลาดปลาขนาดใหญ่ของจังหวัดอาโอโมริ สองข้างทางของตลาดแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยแผงลอยจากสินค้าที่ส่งตรงมาจากทะเล ท่านสามารถชิมอาหารทะเล เช่นปลาสด หรืออาหารท้องถิ่น ผักและผลไม้ตามฤดูกาล จะว่าไปแล้วขึ้นชื่อว่าตลาดปลาแต่กลับโด่งดังเรื่องอาหารการกิน ทั้งๆที่ภาพตลาดปลาแว๊บแรกคือเหมือนตลาดสดขายปลาอะไรทำนองนี้ แต่ว่าที่นี่มีการเปิดให้เป็นตลาดปลาที่คล้ายโรงอาหาร คือ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกทานอาหารทะเลสดๆได้ไม่จำกัด เรียกว่าการกินแบบ Nokkedon ส่วนอาหารที่มีจัดเตรียมไว้แล้วจะเรียกว่า Donburi  คือการนำอาหารมาโปะลงบนข้าวพูนๆ สำหรับที่นี่เมนูยอดนิยมคงหนีไม่พ้นซาชิมิ ที่ทั้งอร่อยและราคาไม่แพงอย่างที่คิด
สำหรับวิธีทาน Nokkedon หรือ Donburi  ท่านต้องซื้อตั๋วสำหรับถ้วยข้าวก่อน ซึ่งจะแบ่งเป็น แบบ
5 ใบ 540 เยน และแบบ 10 ใบ 1,080 เยน หลังจากนั้นจึงสามารถเดินเลือกหาอาหารได้ตามใจชอบ แล้วนั่งทานที่โต๊ะได้เลย บนโต๊ะก็มีเครื่องปรุงให้พร้อมแล้วด้วย เรียกได้ว่าบริการทุกอย่างจริงๆ สมกับเป็นโรงอาหารแห่งอาโอโมริตามคำร่ำลือจริงๆ
ที่นี่เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 – 17.00 น. และปิดให้บริการทุกวันอังคาร
การเดินทาง สามารถเดินจากสถานีรถไฟอาโอโมริมาทางตะวันออกเฉียงใต้ เพียง 5 นาที ก็จะถึงตลาดปลาแห่งนี้แล้ว

10. Hotel Apple Land Aomori (青森 南田温泉)


หากมาถึงจังหวัดอาโอโมริแล้ว ไม่รู้จะพักที่ไหน โดยเฉพาะคนที่ชอบทานแอปเปิ้ลยิ่งห้ามพลาดโรงแรม Hotel Apple Land เมืองสึงารุ เนื่องจากแอปเปิ้ล เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดอาโอโมริ เจ้าของโรงแรมจึงปิ๊งไอเดียแปลกๆขึ้น ซึ่งท่านสามารถมาสัมผัสได้แค่ที่นี่เท่านั้น หากได้มาพักที่นี่แน่นอนว่าต้องได้แช่ออนเซ็นที่บ่อซึการุมินามิดะ โดยมีลูกแอปเปิ้ลลอยตุ๊บป่องอยู่เต็มไปหมด พร้อมน้ำร้อนที่ไหลมาจากถ่านไม้ไผ่เผา ที่จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้คงความสดชื่นเอาไว้ และด้วยความที่บ่อแห่งนี้เป็นบ่อแบบเปิด ระหว่างแช่ตัวในน้ำท่านสามารถสูดกลิ่นสายลม และชมวิวทิวทัศน์รอบๆไปพลางๆได้ นอกจากนี้จากบริเวณห้องพักยังสามารถมองเห็นวิวของภูเขาอิวากิ และ เทือกเขาชิราคามิได้ด้วย แถมยังได้ลองทานอาหารท้องถิ่นอย่าง Noresore Don ที่ทางโรงแรมจะเสิร์ฟเป็นอาหารเช้าสำหรับแขกที่เข้ามาพักในโรงแรม รวมถึงอาหารอื่นๆที่ใช้แอปเปิ้ลเป็นวัตถุดิบหลัก สมกับเป็น Apple Land จริงๆ
การเดินทาง สามารถเดินทางจากสถานี Hirosaki โดยขึ้นรถไฟ JR สาย Ou Line แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสาย Konan Line มาลงที่สถานี Hiraga หลังจากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที ควรเข้าเช็คอินเวลา 15.00 – 22.00 น. และเช็คเอาท์เวลา 6.00 – 10.00 น. สำหรับราคาห้องพักขึ้นอยู่กับห้องพักที่เลือก ซึ่งท่านสามารถจองและเลือกห้องพักผ่านเว็บไซต์ตัวแทนจองที่พักออนไลน์ได้ด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น